15 ความจริงน่ารู้ทางจิตวิทยาที่จะช่วยให้เราเข้าใจตัวเองมากกว่าเดิม

ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับชีวิตของคนเรานั้นเต็มไปด้วยความซับซ้อนและเรื่องราวแปลกประหลาดที่ชวนให้สับสน โดยเฉพาะสิ่งที่เกี่ยวข้องกับความคิด เพราะสมองของมนุษย์ผลิตความคิดได้มากถึง 12,000 ถึง 50,000 เรื่องต่อวัน แม้จะดูน่าทึ่งและน่าเหลือเชื่อแค่ไหน แต่ความจริงแล้วยังมีบางเรื่องที่คุณแสดงออกมา แต่คุณอาจจะไม่เข้าใจความหมายที่แฝงอยู่ ตามหลักจิตวิทยา พฤติกรรมของมนุษย์สามารถบ่งบอกอะไรได้หลายอย่าง รวมถึงเรื่องที่เจ้าตัวก็อาจจะไม่รู้ ลองมาดูกันดีกว่า พฤติกรรมอะไรบ้างที่สามารถบ่งบอกตัวตนลึกๆ ของคุณได้บ้าง

#1 การหลงลืมเป็นสัญญาณของสติปัญญาขั้นสูง

นักวิทยาศาสตร์กล่าวว่าการลืมมีความสำคัญเท่ากับการจดจำ การหลงลืมจริงๆ แล้วเป็นกลไกสำหรับการสร้างพื้นที่ว่างสำหรับข้อมูลที่จำเป็น และช่วยให้สมองไม่ต้องเปลืองพื้นที่และพลังงานไปกับเรื่องที่ลึกๆ แล้วคุณรู้ว่าไม่ต้องไปจำก็ได้

#2 การถูกปฏิเสธ สามารถสร้างความเจ็บปวดเหมือนที่เกิดกับร่างกายได้

การศึกษาด้านประสาทวิทยาศาสตร์พบว่า การถูกปฏิเสธนั้นทำให้รู้สึกเจ็บปวดเหมือนกับความเจ็บปวดทางกาย ปฏิกิริยาของความเจ็บปวดทางอารมณ์และความเจ็บปวดทางกายนั้นคล้ายคลึงกันมาก เนื่องจากในระหว่างที่ความเจ็บปวดนี้เกิดขึ้นนั้น สารเคมีตามธรรมชาติ จะถูกปล่อยออกมาเหมือนกัน

#3 ความมั่นคงจะปิดการเรียนรู้ของสมอง

ชีวิตที่ราบรื่น มั่นคง และไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงอาจฟังดูดี แต่จริงๆ แล้วมันอาจไม่ได้ดีอย่างที่คิด นักวิทยาศาสตร์ยืนยันว่าการอยู่ภายใต้คอมฟอร์ตโซนจะปิดกั้นคุณจากการเรียนรู้และการพัฒนาตัวเอง

#4 คุณสามารถจำได้แค่ครั้งละ 3-4 เรื่องเท่านั้น

วิทยาศาสตร์ได้พิสูจน์แล้วว่า ไม่ใช่เรื่องแปลกถ้าคุณจะลืมสิ่งสำคัญที่ต้องทำ เนื่องจากสมองของเราจะจดจำเรื่องราวต่างๆ พร้อมๆ กันได้เพียงครั้งละ 3-4 เรื่องเท่านั้น

#5 85% ของสิ่งที่เรากังวลไม่เคยเกิดขึ้นจริง

การศึกษาพบว่า ความคิดเชิงลบส่วนใหญ่ที่เราจินตนาการมักไม่เคยเกิดขึ้นจริง ซึ่งในการทดลอง อาสาสมัครถูกขอให้เขียนเรื่องที่พวกเขากังวลมาเป็นระยะเวลานาน และ 85% ของสิ่งที่ผู้เข้าร่วมการศึกษากังวลไม่เคยเกิดขึ้น หมายความว่ามีเพียง 15% เท่านั้นที่เป็นไปได้จริงๆ

#6 ยิ่งคุณมีความสุขมากเท่าไหร่ คุณยิ่งอยากนอนน้อยลงเท่านั้น

มีการศึกษาด้านจิตวิทยาที่พบว่า ความโศกเศร้าหรือความรู้สึกเชิงลบช่วยกระตุ้นให้คุณรู้สึกง่วงและอยากนอนหลับได้มากกว่าปกติ ดังนั้น การมีความสุขจึงให้ผลลัพธ์ในทางตรงกันข้าม

#7 ความหวาดกลัวเป็นยีนที่สามารถส่งต่อผ่านรุ่นต่อรุ่นได้

ความทรงจำและความกลัวสามารถส่งผ่านทางพันธุกรรมได้ หากคุณไม่รู้ว่าทำไมอยู่ๆ คุณถึงได้กลัวบางสิ่งบางอย่างอย่างหาคำตอบไม่ได้ ไม่แน่ว่ามันอาจเป็นยีนที่ได้รับมาจากบรรพบุรุษ

#8 คนเราจะยิ่งเปิดเผยมากขึ้นเมื่อพวกเขาเหนื่อย

หนึ่งในกลไกที่น่าทึ่งก็คือ เมื่อคุณตื่นตัวดีและแจ่มใส คุณจะสามารถควบคุมตัวเองและเลือกสิ่งที่อยากจะพูดได้ เเต่เมื่อไหร่ที่คุณรู้สึกเหน็ดเหนื่อย ร่างกายจะเหมือนถูกปลดล็อกจากการระวังตัวและสิ่งต่างๆ จะสามารถพรั่งพรูออกมาได้อย่างง่ายดาย

#9 การใช้เงินกับคนอื่นทำให้คุณมีความสุขมากขึ้น

การใช้เงินคือหนึ่งในกิจกรรมที่ผู้คนจะรู้สึกดีจากการได้ปลดปล่อยตัวเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณใช้เงินเพื่อคนอื่นจะยิ่งเกิดความรู้สึกเชิงบวกให้กับคนคนนั้น แต่อย่างน้อยที่สุด คุณต้องไม่ลืมที่จะควบคุมไม่ให้มันเลยเถิด

#10 ช่วงวัย 18 – 33 ปี คือช่วงที่เครียดที่สุดของชีวิต

นักวิจัยเผยว่า ช่วงอายุที่เครียดที่สุดคือระหว่าง 18 ถึง 33 หลังจาก 33 ระดับความเครียดจะเริ่มลดลง มีรายงานด้วยว่าผู้หญิงรู้สึกเครียดมากกว่าผู้ชาย

#11 คนโกหกเก่ง จะสามารถตรวจจับว่าคนอื่นโกหกได้ดีด้วยเช่นกัน

ทฤษฎีทางจิตวิทยาและประสาทวิทยาศาสตร์กล่าวว่าคนที่สามารถโกหกได้อย่างสมบูรณ์แบบนั้น มักจะเก่งในการตรวจจับการโกหก ความลับอยู่ที่ พวกเขามีความสามารถในการคิดเกี่ยวกับสิ่งที่คนอื่นคิด และรู้ว่าหากจะโกหก พวกเขาจะโกหกว่าอย่างไร

#12 ใช้เวลาเพียง 4 นาที ในการเข้าใจว่าเราชอบใครสักคนและตกหลุมรัก

มีการทดสอบและพบว่า เวลาเพียง 90 วินาที – 4 นาที สามารถช่วยให้คนรู้ได้ว่าฝ่ายตรงข้ามนั้นดึงดูดพวกเขาหรือไม่ และมันจะพัฒนาไปเป็นความชอบหรืออาการตกหลุมรักได้ง่ายกว่าที่คุณรู้

#13 มีคนมากถึง 9/10 ที่มีอาการหลอนกับการสั่น

จากการทดสอบพบว่า 9/10 คนมักคิดไปว่าโทรศัพท์ของพวกเขาจะสั่นอยู่ในกระเป๋า และเกิดอาการหลอนแบบนั้นอยู่บ่อยครั้ง

#14 ยิ่งคุณมีทางเลือกมากเท่าใด คุณก็จะมีโอกาสตัดสินใจน้อยลงเท่านั้น

สิ่งนี้เรียกว่าความขัดแย้งทางเลือก ผู้เชี่ยวชาญอธิบายว่าเมื่อมีตัวเลือกที่หลากหลายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ความคิดในด้านลบก็เริ่มปรากฏขึ้น และเมื่อถึงจุดหนึ่งจะทำให้คุณตัดสินใจไม่ได้

#15 ช็อกโกแลตสามารถทำให้คุณรู้สึกมีความสุขได้มากกว่าการมีความรัก

นักวิทยาศาสตร์กล่าวว่าการมีแท่งช็อคโกแลตอยู่ในครอบครอง สามารถทำให้เกิดความรู้สึกที่น่าพึงพอใจมากกว่าการฟังเพลงโปรด การชนะลอตเตอรี หรือแม้แต่ตกหลุมรัก พวกเขาพิสูจน์มันโดยการสแกนและติดตามการเปลี่ยนแปลงของกิจกรรมบนพื้นผิวของสมอง ซึ่งนั่นทำให้พวกเขาได้หลักฐานที่สนับสนุนแนวคิดนี้

เครดิต brightside.me

แบ่งปัน