หลายสิ่งหลายอย่างที่เราทำเพียงเพราะได้ยินคำบอกเล่าต่อกันมาว่าเป็นเรื่องที่ถูกต้อง โดยไม่เคยตั้งคำถามเลยว่าสิ่งที่ทำอยู่นั้นถูกจริงหรือไม่ ยกตัวอย่างเช่นความเชื่อเหล่านี้ที่อาจเกิดโทษมากกว่าประโยชน์ต่อตัวเราเองและผู้อื่น และนี่คือความเชื่อที่คนเรามักได้ยินผู้อื่นบอกเล่าต่อๆ กันมาว่าเป็นวิธีการปฏิบัติตัวหรือแก้ไขปัญหาที่ถูกต้องเหมาะสมกับสถานการณ์ต่างๆ ทั้งที่จริงแล้วมันอาจทำให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพร่างกายหรือทำให้เรื่องยากกว่าเดิม
#1 การเป่าอาหารที่ยังร้อนให้ลูกรับประทานเป็นสิ่งที่พ่อแม่ทำไปเพราะหวังดี แต่อาจเป็นการนำเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายเด็กที่ยังไม่มีภูมิต้านทานได้ พ่อแม่จึงควรปล่อยให้อาหารเย็นเอง และไม่ควรใช้ช้อนส้อมหรือแก้วน้ำร่วมกับเด็กๆ ด้วย
#2 สิ่งแรกที่เรามักจะทำเมื่อเลือกกำเดาไหลก็คือเงยหน้าให้เลือดไหลย้อนกลับเข้าไปในจมูก ซึ่งอาจทำให้เราสำลักเลือดของตัวเองได้ และวิธีปฏิบัติตัวที่ถูกต้องก็คือบีบจมูกและอยู่นิ่งๆ จนกว่าเลือดจะหยุดไหลไปเอง
#3 สาเหตุที่คนเป็นลมล้มลงไปนั้นเกิดจากการที่เลือดไหลเวียนไม่สะดวก การพยุงตัวพวกเขาขึ้นมาจึงทำให้เลือดไม่สามารถไปเลี้ยงสมองได้ เราจึงควรปล่อยให้คนที่เป็นลมล้มลงไปนั้นได้นอนพักอยู่เฉยๆ จนกว่าพวกเขาจะรู้สึกดีขึ้น
#4 การแปรงฟันทันทีหลังรับประทานอาหารเสร็จอาจเป็นการทำลายเคลือบฟันได้ จึงไม่ควรแปรงฟันหลังอาหาร แต่ควรแปรงฟันก่อนอาหาร ส่วนหลังรับประทานอาหารเสร็จให้บ้วนปากและไม่ควรแปรงฟันอย่างน้อย 40 นาที
#5 ไม่ควรทุบหลังคนที่สำลักอาหารขณะที่พวกเขายังนั่งหรือยืนอยู่ เพราะอาจทำให้อาหารติดเข้าไปลึกกว่าเดิมได้ จึงควรให้ผู้ป่วยก้มตัวลงไปข้างหน้าและพยายามทำให้ไอ จากนั้นก็ปฐมพยาบาลด้วยการดันหน้าอกและทุบหลัง
#6 ไม่ควรประคบน้ำแข็งลงไปบริเวณที่มีแผลฟกช้ำโดยตรง เพราะน้ำแข็งจะทำให้เลือดไหลเวียนไม่สะดวกและอาจทำให้เกิดแผล แต่ควรวางผ้าลงไปก่อนและประคบน้ำแข็งไม่เกินครั้งละ 10 นาที
#7 การใช้เนยหรือน้ำแข็งทาลงไปบนแผลที่เกิดจากไฟไหม้ น้ำร้อนลวก หรือแผลที่ความร้อนก็เป็นความเชื่อที่ผิด สิ่งที่ควรทำก็คือการเปิดน้ำเย็นราดลงไปบนแผลนานอย่างน้อย 20 นาทีเพื่อบรรเทาความแสบร้อน
#8 ส่วนแผลที่ถูกน้ำแข็งกัดนั้นเป็นแผลที่เราไม่ควรไปยุ่งกับมัน โดยเฉพาะการถูนวดที่อาจทำให้อาการแย่ลงกว่าเดิมได้ แต่ควรค่อยๆ ให้ความอบอุ่นกับแผลโดยการใช้น้ำอุ่นราดลงไปและควรทำให้ร่างกายของเราอบอุ่นด้วย
#9 ขวดน้ำพลาสติกโดยทั่วไปนั้นไม่ควรนำมาใช้ซ้ำ เพราะมีสาร BPA ที่อาจปนเปื้อนลงไปในน้ำดื่มและยังมีเชื้อโรคและแบคทีเรียอันตรายที่อาจก่อตัวในขวดพลาสติกได้ จึงควรหันมาใช้ขวดแก้วหรือขวดที่ถูกทำมาให้ใช้ซ้ำได้แทน
#10 พ่อแม่หลายคนเชื่อว่าน้ำตาลมีส่วนในการทำให้เด็กสมาธิสั้น แต่จริงๆ แล้ว น้ำตาลไม่ได้มีส่วนทำให้เด็กสมาธิสั้นแต่อย่างใด น้ำตาลหมายถึง แคลอรี และ แคลอรีก็หมายถึง พลังงาน ดังนั้นเมื่อเด็กบางคนที่กินของหวานมากๆ พลังงานก็เอ่อล้นออกมา และทำให้กลายเป็นเด็กที่อยู่ไม่สุก สิ่งที่ควรจำเอาไว้ระหว่างเด็กกับน้ำตาล ก็คือมันจะทำให้เด็กๆ ฟันผุนั่นเอง
#11 การกินวิตามินแค่เพียง 1 เม็ด ก็สามารถทำให้เราสุขภาพดีได้งั้นหรือ ? แน่นอนว่าไม่ใช่ ซึ่งเราควรระมัดระวังในการกินวิตามินในปริมาณที่มากจนเกินไป มิฉะนั้นมันอาจส่งผลเสียมากกว่าผลดี
#12 ทุกคนรู้ว่า เราควรจะนอนหลับวันละ 8 ชั่วโมงต่อวัน แต่ในความเป็นจริง ผู้คนแต่ละคน ก็ต้องการปริมาณการนอนหลับที่แตกต่างกัน การนอนหลับที่มากเกินไปหรือน้อยเกินไปจะส่งผลเสียต่อสุขภาพร่างกาย สำหรับบางคนอาจต้องการนอนเพียงแค่วันละ 6 ชั่วโมง ก็เพียงพอแล้ว แต่สำหรับบางคนที่รู้สึกอ่อนเพลีย อาจต้องการนอนมากถึง 9 ชั่วโมงก็เป็นได้
เครดิต brightside