6 เมืองโบราณใต้ท้องทะเล ที่เคยมีอยู่จริงเมื่อนานมาแล้ว

โลกใบนี้มีทั้งแผ่นดินและผืนน้ำที่ปกคลุมเปลือกโลกและเป็นที่อยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิตหลากหลายชนิด โลกของเรานั้นเกิดขึ้นมาหลายพันล้านปี ซึ่งมันก็ย่อมมีอารยธรรมที่ในอดีตเคยเจริญรุ่งเรืองและในปัจจุบันได้ล่มสลายไปแล้ว ไม่ว่าจะด้วยฝีมือมนุษย์หรือการเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติ ซึ่งบางอารยธรรมก็ได้สูญสลายจมลงไปใต้น้ำ เหลือเพียงแค่เศษซากประติมากรรมให้คนรุ่นหลังได้ศึกษาต่อ และนี่คือ 6 เมืองโบราณใต้ท้องทะเล ที่เคยมีอยู่จริงเมื่อนานมาแล้ว

#1 เมืองซือเฉิง ประเทศจีน

เมืองซือเฉิง ที่เป็นเมืองโบราณในประเทศจีน เมืองซือเฉิงนี้ตั้งอยู่ใกล้กับภูเขาสิงโต เป็นเมืองที่อยู่ใต้ทะเลสาบเฉียนเต่ามีอายุมากกว่า 1,900 ปี เมืองซือเฉิงนี้เคยเจริญรุ่งเรืองมากๆในยุคของราชวงศ์ฮั่น และยังเคยเป็นศูนย์กลางของมณฑลเจ้อเจียงมาก่อน

การที่เมืองซือเฉิงนี้ได้จมลงไปอยู่ใต้น้ำก็เพราะว่ามีการสร้างเขื่อนกั้นแม่น้ำซินอันในปี ค.ศ.1959 ซึ่งทำให้น้ำนั้นล้นมาท่วมเมืองโบราณแห่งนี้ จนทำให้เมืองซือเฉิงต้องอยู่ใต้น้ำด้วยความลึกเฉลี่ย 30 เมตร

ซึ่งร่องรอยอารยธรรมและสิ่งประดิษฐ์ต่างๆ ที่สวยงามก็ได้จมลงไปใต้น้ำ กลายเป็นเมืองโบราณที่มีเพียงนักดำน้ำเท่านั้นที่จะได้พบเห็นอีก

#2 เมืองพอร์ทโรยัล ประเทศจาไมก้า

เมืองพอร์ทโรยัลเป็นหมู่บ้านที่ติดอยู่กับปากอ่าวคิงส์ตันของจาไมก้า เป็นแหล่งศูนย์รวมการติดต่อแลกเปลี่ยนการซื้อสินค้า ซึ่งนับว่าเป็นเมืองที่พวกโจรสลัด นักเดินเรือใช้เป็นแหล่งซ่องสุมและพำนักพักพิง แน่นอนว่าภายในเมืองนี้ย่อมมีอาชญากรรม การปล้น การฆ่า เป็นรายวัน จนทำให้มันมีฉายาว่าเป็น “เมืองคนบาป” หรือเรียกได้ว่าเป็นดินแดนป่าเถื่อนที่ใครๆก็ไม่อยากเข้ามา

จนกระทั่งในปี ค.ศ. 1692 เกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งรุนแรง จนทำให้เกิดคลื่นยักษ์จากท้องทะเลถาโถมเข้ามาอย่างรุนแรง ผู้คนล้มตายไปหลายพันคน บ้านเมืองเสียหาย สิ่งก่อสร้างพังทลายลง และจมลงไปในท้องทะเลในที่สุด แต่ก็ไม่วายที่จะมีคนฉวยโอกาสดำน้ำลงไปค้นหาสมบัติเมืองใต้บาดาล

ซึ่งก็มีเรื่องเล่าจากคนที่ดำน้ำไปหาสมบัติว่า พวกเขาได้ยินเสียงระฆังเหมือนระฆังในโบสถ์ ซึ่งทำให้รู้สึกว่า เมืองพอร์ทโรยัลใต้บาดาลนี้ยังมีชีวิตและไม่หลับไหล ยังมีคนเล่าต่อๆกันมาอีกว่า หากใครก็ตามที่หวังจะไปรื้อค้นสมบัติในเมืองใต้ทะเลนี้ก็จะเจอกับฉลามน้ำเงิน ฉลามวาฬ คอยไล่ทำร้าย เสมือนว่า มันกำลังปกป้องสมบัติของเมืองใต้น้ำทะเลนี้

#3 พระราชวังที่สาปสูญแห่งคลีโอพัตรา ประเทศอียิปต์

ในบริเวณชายฝั่งของเมื่ออเล็กซานเดรียของประเทศอียิปต์ มีโบราณสถานแห่งหนึ่งที่ผู้คนเชื่อกันว่าในอดีตเคยเป็นพระราชวังของพระนางคลีโอพัตรา ราชินีผู้ทรงงดงามและโด่งดังในช่วงอารยธรรมอียิปต์ โบราณสถานแห่งนี้มีอายุราวๆ 2,000 ปี ก่อน ซึ่งในอดีตนั้นเคยเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งรุนแรงจนทำให้เมืองนี้จมหายไปในใต้ทะเล

ซึ่งต่อมาได้มีนักโบราณคดีไปสำรวจและพบกับวัตถุโบราณเกือบ 140 ชิ้นที่ยังคงสภาพเกือบจะสมบูรณ์เเละบ่งบอกถึงอารยธรรมในสมัยนั้น นอกจากนี้นักโบราณคดียังเชื่อว่า อาจจะมีหลุมฝังศพของบุคคลสำคัญในยุคสมัยนั้น รวมทั้งอาจเป็นที่ฝังศพของพระนางคลีโอพัตราอีกด้วย

ในอนาคตประเทศอียิปต์มีการวางแผนว่าจะสร้างพิพิธภัณฑ์เพื่อให้เข้าชมโบราณสถานใต้น้ำนี้เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชมกันอย่างทั่วถึง แต่การเข้าชมนั้นก็ต้องมาลุ้นกันอีกทีว่าเราจะได้ไปชมถึงใต้น้ำเลยหรือเปล่า หรือพวกเขาจะนำวัตถุโบราณต่างๆขึ้นมาให้พวกเราดูด้านบนกันแน่

#4 นครทวากะ เมืองใต้น้ำ

นครทวากะเป็นดินแดนที่อยู่ในบริเวณทิศตะวันตกแห่งแผ่นดินชมพูทวีป สร้างขึ้นมาตั้งแต่ 500 ปีก่อนคริสตกาล โดยมีพระกฤษณะเป็นผู้สร้างเมืองนี้ขึ้นมา เมืองนี้ตั้งอยู่ริมชายฝั่งทะเลอาหรับ ในสมัยก่อนนั้นผู้คนต่างอาศัยกันด้วยความปกติสุข จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์สงคราม และมีครอบครัวหนึ่งได้สูญเสียผู้สืบสกุลซึ่งพวกเขาเชื่อว่าการสูญเสียของเขานั้นเกิดจากพระกฤษณะ เขาจึงสาปเเช่งด้วยถ้อยคำที่โหดร้าย

จนเมื่อ 36 ปีถัดมา ครอบครัวของพระกฤษณะก็เกิดเรื่องราวที่ต้องทำให้ทะเลาะและฆ่าฟันกันเอง ซึ่งในที่สุดพระกฤษณะก็ได้เสียชีวิตลง ส่วนเมืองทวากะก็จมลงไปใต้น้ำ พร้อมกับสมบัติของมีค่าและสถาปัตยกรรมที่สวยงามที่สร้างจากทองคำ เงินและโลหะ ก็ได้จมลงไปใต้น้ำพร้อมๆกัน

#5 ปิรามิดโยนากุนิจิม่า ประเทศญี่ปุ่น

บริเวณใต้ท้องทะเลประเทศญี่ปุ่นมีพื้นที่ประหลาดซึ่งประกอบไปด้วยแผ่นหินยักษ์ที่มีอายุเก่าแก่เรียงตัวกันคล้ายกับหมู่บ้านหรือชุมชน ซึ่งบางคนก็บอกว่ามันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ แต่บางคนก็บอกว่ามันเกิดจากฝีมือของมนุษย์ เพราะภายในบริเวณนั้นมีทั้งสิ่งก่อสร้างที่มีลวดลายคล้ายตัวอักษร มีหินรูปร่างที่เหมือนกับถูกแกะสลักเป็นรูปสัตว์ ลักษณะอารยธรรมคล้ายกับประเทศจีน

ซึ่งนักสำรวจที่ญี่ปุ่นนั้นเชื่อว่า เมื่อก่อนบริเวณนี้อาจเคยเป็นเมืองหนึ่งมาก่อนและเมื่อเกิดสึนามิครั้งใหญ่จึงทำให้เมืองนี้จมหายลงไปในใต้ท้องทะล และด้วยลักษณะรูปร่างที่แปลกประหลาดของหินยักษ์ที่พบนี้ ยังมีบางคนเอาไปคิดว่า หรือว่านี่คือยานอวกาศของมนุษย์ต่างดาวที่จมลงไปในใต้น้ำหลายพันปีมาแล้ว

#6 เมืองใต้น้ำยุคโรมัน ประเทศอิตาลี

Baiae เป็นชื่อเมืองโรมันโบราณ สันนิษฐานว่ามีอยู่ตั้งแต่ 500-100 ปีก่อนคริสตกาล ในอดีตเคยเป็นเมืองที่ยิ่งใหญ่และมั่งคั่งไปด้วยเงินตรา คาดว่าเป็นเมืองของเหล่าชนชั้นสูงในช่วงเวลานั้น ก่อนบางส่วนของเมืองจะจมลงใต้น้ำ เนื่องจากเกิดการระเบิดของภูเขาไฟและการเคลื่อนตัวของชายฝั่ง

สิ่งที่เหลืออยู่บนบกมีเพียงซากปรักหักพัง เช่น Temple of Mercury ประกอบไปด้วยโดมเส้นผ่าศูนย์กลาง 21.5 เมตร ซึ่งเป็นความมหัศจรรย์แห่งวิศวกรรมและเป็นสิ่งที่ใหญ่ที่สุดในโลกก่อนมีการก่อสร้างวิหารแพนธีออน

ผ่านมากว่า 1700 ปีที่เมืองนี้หายไปจากผู้คน ตำนานที่มีอยู่จริงแห่งนี้ก็ได้ ถูกเล่าขานอีกครั้ง เมื่อมีการค้นพบมันใต้น้ำทางฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของอ่าวเนเปิลส์ในประเทศอิตาลี

เครดิต wittyffed

แบ่งปัน