เพราะขึ้นชื่อว่าโกหก ไม่ว่าจะโกหกเพื่อตัวเองหรือโกหกเพื่อให้คนอื่นสบายใจก็ไม่ใช่เรื่องดีทั้งนั้น เพราะแค่คุณโกหกก็เท่ากับว่าคุณกำลังทำลายความไว้ใจของคนอื่น นักจิตวิทยาเชื่อว่า คนโกหกส่วนมากมักจะมีท่าทางที่บ่งบอกว่าเขากำลังโกหกอยู่ เพราะฉะนั้นการจะดูว่าใครกำลังโกหกคุณอยู่นั้นคุณจะต้องคุ้นเคยกับพฤติกรรมทั่วไปของเขาเสียก่อน เพราะเมื่อเขาเริ่มโกหก สีหน้า ท่าทาง และการพูดจะเริ่มเปลี่ยนไป และถ้าหากคุณกำลังสงสัยใครอยู่ละก็ ลองสังเกตพฤติกรรม 7 ข้อนี้ดู
#1 บางครั้งเราก็ไม่สามารถจับโกหกจากคำพูดที่แนบเนียนของใครบางคน แต่เราสามารถสังเกตการหยุดหรือการเว้นวรรคในระหว่างที่พวกเขากำลังพูดได้ คนที่โกหกมักจะหยุดบ่อยและนานเพราะกำลังคิดที่จะกุเรื่องขึ้นมานั่นเอง
#2 การแสดงอารมณ์ตามธรรมชาติของคนเรานั้นจะเกิดขึ้นเพียง 5 วินาที ถ้าหากว่าใครบางคนแสดงสีหน้าดีใจ เศร้า หรือโกรธนานจนผิดปกติ แปลว่าพวกเขากำลังเสแสร้งแกล้งแสดงอารมณ์เหล่านั้นออกมา
#3 นอกจากนี้การแสดงอารมณ์ควรจะเกิดขึ้นทันที นักวิทยาศาสตร์พบว่าคนเราแสดงอารมณ์ก่อนที่จะพูดหรือแสดงปฏิกิริยาอื่นๆ ตามมาทีหลัง ดังนั้นถ้ามีการเว้นช่วงนานผิดปกติก็แปลว่าพวกเขาอาจไม่ได้รู้สึกแบบนั้นจริงๆ
#4 การแสดงอารมณ์ต้องเกิดขึ้นทั้งใบหน้า ท่าทาง และปฏิกิริยาอื่นๆ ด้วย ยกตัวอย่างเช่นรอยยิ้มที่จริงใจนั้นจะยิ้มแค่เพียงริมฝีปากอย่างเดียวไม่ได้ แต่ต้องสังเกตส่วนอื่นๆ ของใบหน้าของเช่นดวงตาที่มักจะมีรอยยับย่น
#5 การพูดซ้ำไปซ้ำมาก็เป็นอีกหนึ่งสัญญาณของการโกหก การที่เราพูดคำซ้ำไปซ้ำมา ถ้าไม่ได้เกิดจากความประหม่าหรือเป็นธรรมชาติของพวกเขาอยู่แล้ว ก็แปลว่าคนๆ นั้นกำลังนึกถึงเรื่องที่จะโกหกอยู่
#6 การพูดคำซ้ำกับประโยคคำถาม ในชีวิตจริงแทบจะไม่มีใครใช้วิธีทวนคำถามเหมือนการตอบคำถามสำหรับนางงามหรือการสัมภาษณ์ ดังนั้นคนที่ทวนคำถามก็อาจทำเพื่อประวิงเวลาและหาทางโกหกให้แนบเนียน
#7 นอกจากสีหน้าท่าทางหรือพฤติกรรมการพูดแล้ว มือก็มีส่วนสำคัญที่ช่วยให้เราจับโกหกได้ เพราะคนที่กำลังพูดโกหกมักจะยกมือขึ้นมาปกปิดใบหน้าหรือปากของตนเอง
เครดิต brightside