10 การค้นพบโดยบังเอิญทำให้เกิดสิ่งที่เรารู้จักในปัจจุบัน

สิ่งของหลายอย่างบนโลก ไม่ว่าจะเป็นของกิน เครื่องดื่ม ของใช้ หรือแม้แต่ฉากในภาพยนตร์ที่เราชอบกัน บางครั้งก็เกิดขึ้นโดยที่คนทำไม่ได้ตั้งใจให้มันเป็นแบบนั้นเลยสักนิด แต่ไม่รู้ทำไมผลผลิตเหล่านั้นมันกลับออกมาดีอย่างไม่น่าเชื่อ จนทำให้ความบังเอิญธรรมดาๆ กลายเป็นเรื่องที่ไม่ธรรมดาไป และสิ่งของที่เกิดจากความบังเอิญเหล่านั้น กลายเป็นสิ่งที่โลกต้องจดจำไปได้เหมือนกัน และนี่คือ 10 สิ่งที่มีชื่อเสียงของโลกซึ่งเกิดขึ้นจากความบังเอิญล้วนๆ ไม่ได้ตั้งใจแต่อย่างใด

#1 คุกกี้ช็อกโกแลตชิป

คุกกี้ช็อกโกแลตชิปนั้นแรกเริ่มเดิมทีเกิดจากการที่ Ruth Wakefield เจ้าของโรงแรมแห่งหนึ่งจะทำคุกกี้ช็อกโกแลต แต่กลับไม่มีดาร์กช็อกโกแลตสำหรับทำขนมเหลืออยู่ เธอจึงเอาช็อกโกแลตแบบหวานมาตัดเป็นชิ้นเล็กๆ ใส่คุกกี้โดยหวังว่ามันจะละลายในระหว่างอบ แต่สุดท้ายมันก็ไม่ละลาย และออกมาเป็นคุกกี้ช็อกโกแลตชิปแบบที่เรารู้จักไป

#2 ไอศกรีมแท่ง

ไอศกรีมแท่งนั้นเกิดขึ้นโดยบังเอิญในหน้าหนาวของแคลิฟอร์เนียในปี 1905 ระหว่างที่เด็กชาย 11 ขวบ ชื่อแฟรงก์ เอ็มเพอร์สัน เผลอทิ้งน้ำอัดลมรสผลไม้ไว้ข้ามคืนในอากาศหนาวเย็น จนมันกลายเป็นไอศกรีมแท่งไปนั่นเอง

#3 เบียร์

แม้ว่าเราจะยังไม่มีหลักฐานแน่นอนว่าเบียร์เกิดขึ้นครั้งแรกที่ไหน แต่นักโบราณคดีส่วนใหญ่ก็เห็นพ้องกันว่าเบียร์นั้นน่าจะเกิดขึ้นจากอุบัติเหตุหรือเรื่องบังเอิญแน่ๆ เป็นไปได้ว่าในสมัยก่อนเมล็ดข้าวที่มีการเก็บไว้ (น่าจะเพื่อทำขนมปัง) จะโดนน้ำจนเปียกและกลายเป็นอาหารให้กับยีสต์จนเกิดเป็นแอลกอฮอล์ไป และคงมีใครสักคนในยุคนั้นเอาไปชิมและติดใจจนกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการทำเบียร์ไปนั่นเอง

#4 เวลโครเทป

เรียกแบบนี้บางคนอาจจะไม่รู้จัก แต่มันก็คือเทปตีนตุ๊กแกนั่นล่ะ โดยเจ้าสิ่งประดิษฐ์สุดสะดวกชิ้นนี้เกิดขึ้นครั้งแรกในช่วงยุค 70 โดยวิศวกรของชาวสวิสคนหนึ่งในระหว่างพาสุนัขไปเดินเล่น เขาพบว่าสุนัขของเขามักมีเมล็ดพืชมีหนามชนิดหนึ่งติดขนมาเสมอๆ (อารมณ์คล้ายๆ หญ้าเจ้าชู้ติดเสื้อของบ้านเรา) เขาจึงเอากล้องจุลทรรศน์ไปส่องดูเมล็ดพืชมีหนามที่ว่า และกลายเป็นที่มาของระบบห่วงเล็กๆ บนเวลโครเทปไป

#5 โค้ก

โค้กถูกค้นพบโดย John Pemberton เภสัชกรในเมือง Atlanta ซึ่งเขาต้องการจะค้นหายารักษาอาการปวดหัว จึงได้ทำการผสมยา (ที่ยังคงถูกปิดเป็นความลับจนปัจจุบัน) ออกมาและมันก็ถูกวางขายตามร้านยา แต่ 8 ปีต่อมามันกลับกลายเป็นเครื่องดื่มโค้กบรรจุขวดที่ขายดีที่สุดในโลก

#6 ภาพเอกซเรย์

จริงอยู่ว่าเทคโนโลยีเอกซเรย์นั้นเป็นสิ่งที่ถูกพัฒนาขึ้นมาด้วยความตั้งใจ แต่เชื่อหรือไม่ว่ามันถูกค้นพบด้วยความบังเอิญ เรื่องของเรื่องคือในปี 1895 ระหว่างที่นักวิทยาศาสตร์ชาวเยอรมัน วิลเฮล์ม คอนราด เรินต์เกน ศึกษารังสีแคโทดภายในหลอดสุญญากาศอยู่ เขาก็พบว่ามีรังสีที่มองไม่เห็นอันหนึ่งมีอำนาจทะลุทะลวงสูงจึงเรียกมันว่ารังสี X (เอกซเรย์) นั่นเอง และต้องบอกว่าโชคดีที่วิลเฮล์มมีอุปกรณ์ทดลองที่ค่อนข้างดี เขาจึงไม่ได้รับอันตรายจากเอกซเรย์

#7 ไมโครเวฟ

เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ถูกค้นพบโดยบังเอิญเช่นกัน โดยระหว่างที่วิศวกรชาวอเมริกันชื่อว่า Percy Spencer กำลังประดิษฐ์เครื่องตรวจจับเครื่องบินของข้าศึก ก็พบว่า แมกนีตรอน (magnetron) ที่ใช้สำหรับผลิตคลื่นไมโครเวฟนั้นสามารถทำให้ช็อกโกแลตละลายได้

#8 สีของยักษ์เขียวเดอะฮัลค์

ที่ฮัลค์ของเรามีตัวสีเขียวนั้นมีที่ไปที่มา เพราะเดิมทีแล้วเจ้ายักษ์ตัวนี้ไม่ได้มีสีเขียว แต่เป็นสีเทาต่างหาก เดอะฮัลค์ปรากฏตัวครั้งแรกเป็นตัวสีเทาใน Incredible Hulk เล่ม 1 และเปลี่ยนมาเป็นตัวสีเขียวที่เรารู้จักกันดีในเล่ม 2 เพราะเทคโนโลยีในการพิมพ์สมัยนั้นทำให้สีเทาพิมพ์ยาก ปัญหาคือพอเอาไปใส่ในหนังสือเดอะฮัลค์กลับมีเฉดสีเทาเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาในแทบทุกหน้า สุดท้ายทางมาร์เวลเลยแก้ปัญหาเฉดสีสุดมั่วนี้ ด้วยการให้เดอะฮัลค์เป็นสีเขียวไปเลย แล้วผู้อ่านก็แทบจะไม่รู้สึกตัวกันเลยด้วยว่าสีของเดอะฮัลค์มันเปลี่ยนไป

#9 กระจกนิรภัย

ในปี ค.ศ. 1903 เอ็ดเวิร์ด เบเนดิกตัส นักวิทยาศาสตร์ชาวฝรั่งเศส เผลอทำขวดแก้วหล่นลงมาแตก ในตอนนั้นเองเอ็ดเวิร์ดสังเกตเห็นบางสิ่งที่น่าสนใจก็คือ แก้วไม่ได้แตกเป็นเสี่ยงๆ อย่างที่คิด แต่มันร้าวและแตกออกโดยยังคงสภาพรูปร่างเดิมอยู่ ผลปรากฏว่าขวดแก้วดังกล่าวเคยบรรจุสารเคมี เซลลูโลส ไนเตรด ที่เวลาแห้งแล้วมันจะช่วยปกป้องขวดแก้วจากภายใน เขาก็เริ่มทดลองกับสิ่งที่เขาพบโดยบังเอิญ จนกระทั่งสามารถผลิตกระจกนิรภัยขึ้นมาได้ ต่อมา เอ็ดเวิร์ด เบเนดิกตัส ได้จดสิทธิบัตรกระจกนิรภัยนี้ โดยเขาเรียกมันว่าทริปเพล็กซ์ กราส และคนที่นำเทคโนโลยีนี้ไปใช้กับรถยนต์เป็นคนแรกก็คือ เฮนรี ฟอร์ด ที่นำไปติดรถยนต์ของเขาในปี ค.ศ. 1919 นั่นเอง

#10 คอนกรีตเสริมเหล็ก

ในระหว่างงานนิทรรศการปารีสในปี ค.ศ. 1867 โจเซฟ โมเนียร์ นักทำสวนชาวฝรั่งเศสได้นำเสนอสิ่งประดิษฐ์ของเขา นั่นคือกระถางต้นไม้คอนกรีตที่ฝังตาข่ายเหล็กเอาไว้ข้างใน โมเนียร์เคยทำงานสวนสาธารณะตุยเลอรี สวนสาธารณะที่ใหญ่ที่สุดในกรุงปารีส ซึ่งเขามีหน้าที่ดูแลต้นส้ม ในระหว่างช่วงฤดูร้อน ต้นส้มเหล่านี้จะถูกปลูกในกระถางซีเมนต์โดยถูกนำไปไว้ข้างนอก ในขณะที่ฤดูหนาว ต้นส้มจะถูกย้ายเข้ามาในบ้านเรือนกระจก ซึ่งในระหว่างนั้น กระถางมักจะแตกร้าวอยู่เสมอเนื่องจากความผันผวนของอุณหภูมิ

และเพื่อทำให้กระถางเหล่านี้แข็งแรงขึ้น โมเนียร์จึงตัดสินใจที่จะทดลองใส่ตาข่ายเหล็กเอาไว้ข้างในระหว่างขั้นตอนการหล่อคอนกรีต โดยในระหว่างการทดลองนั้นเอง โมเนียร์สังเกตว่า บริเวณที่ทนทานที่สุดก็คือจุดที่เหล็กตัดกันทั้งแนวตั้งและแนวนอน บางทีเขาอาจเคยได้ยินเรื่องการทดลองใส่เหล็กไว้ในคอนกรีตมาก่อน แต่มูเนียร์คือคนแรกที่ไม่ได้ใช้แค่เหล็กเส้น แต่เขาใช้ตาข่ายที่ทำจากเหล็กนั่นเอง นอกจากนั้นสิ่งประดิษฐ์เกี่ยวกับการก่อสร้างคานที่ทำจากการใช้คอนกรีตเสริมเหล็ก ก็ยังเป็นฝีมือของเขาอีกด้วย

เครดิต brightside.me

แบ่งปัน